วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

การปลูกมันฝรั่งอย่างมืออาชีพกับปุ๋ยตรามงกุฎ

การปลูกมันฝรั่งอย่างมืออาชีพ กับปุ๋ยตรามงกุฎ



ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม เป็นช่วงที่ผลผลิต มันฝรั่งออกสู่ตลาด พื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือตอนบนและบางจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยพันธุ์ที่นิยมปลูกได้แก่ พันธุ์ สปุนตา และพันธุ์แอตแลนติก ปัจจุบันหนุ่มสาวไทยสมัยใหม่ตลอดจนเด็กๆนิยมบริโภคอาหารแบบตะวันตกเพิ่มมากขึ้นทั้งอาหารประเภทเร่งด่วน และอาหารว่างประเภทขบเคี้ยว มันฝรั่งซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการรผลิตอาหารดังกล่าวจึงมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปมันฝรั่งทอดได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีความต้องการมันฝรั่ง เพื่อเป็นวัตถุดิบประมาณปีละ 124,100ตัน โดยที่ราคาขายหัวมันสดเฉลี่ยที่ตลาดขายส่ง 35 บาท/กก. มันฝรั่งจัดเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่สำคัญในภาคเหนือให้ผลตอบแทนสูงเมื่อเปรียบเทียบกับพืชอื่นๆ หลายชนิดโดยประมาณการจะมีผลกำไรอยู่ ระหว่าง 6,000-9,000 บาทต่อไร่ แหล่งปลูกที่สำคัญอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ลำพูน และตาก ซึ่งมีผลผลิตรวมกันประมาณร้อยละ 90 ของผลผลิตทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการผลิตมันฝรั่งในจังหวัดเชียงราย สกลนครและเลย โดยสามารถปลูกมันฝรั่งได้ถึง 200,000ไร่ ร้อยละ90 เป็นการผลิตมันฝรั่งเพื่อเป็น วัตถุดิบสำหรับแปรรูปส่งโรงงาน โดยมีราคารับซื้อระหว่าง 5-13 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนการบริโภคหัวมันสด คิดเป็นร้อยละ 10 หัวพันธุ์มันฝรั่งที่ใช้ปลูกในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากต่างประเทศ หากเป็นพันธุ์จากประเทศในแถบยุโรป เช่นเนเธอร์แลนด์ สก๊อตแลนด์ และเยอรมัน ซึ่งจะเก็บเกี่ยวหัวพันธุ์ในเดือนสิงหาคม –กันยายน เมื่อส่งมาปลูกในไทยในช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งพ้นระยะพักตัวพอดี

การปลูกมันฝรั่งนั้นสามารถปลูกทั้งหัว หรือผ่าหัวพันธุ์ออกเป็นชิ้นๆ การปลูกทั้งหัวจะมีข้อดีคือจะมีอาหารสะสมที่จะช่วยเร่งการเจริญเติบโตได้ดีกว่าและผลผลิตจะสูงกว่าการปลูกด้วยหัวพันธุ์ที่ผ่าเป็นชิ้น แต่ข้อเสียคือ สิ้นเปลืองหัวพันธุ์มากอาจถึงประมาณ 400กิโลกรัมต่อไร่ แต่เมื่อผ่าหัวพันธุ์ปลูกจะใช้ประมำณ 100- 150กิโลกรัมเท่านั้น แต่การผ่าหัวพันธุ์ก็มีข้อเสียคือจะทำให้เชื้อโรคเข้าทำลายและเน่าเสียได้ง่าย มีโอกาสติดโรคจากหัวพันธุ์ที่เป็นโรคไปยังหัวพันธุ์ที่ดีโดยติดไปกับมืดที่ใช้ผ่าได้ง่าย ดังนั้นจึงควรปฏิบัติในการผ่าหัวพันธุ์มันฝรั่งดังนี้ วิธีการผ่าหัวพันธุ์ เมื่อหัวพันธุ์เริ่มแตกตาข้างพอสังเกตเห็นได้ก็พร้อมที่จะนำไปผ่าได้ควรผ่าหัวพันธุ์ก่อนปลูกอย่างน้อย 1 สัปดาห์การผ่าใช้มีดคมชุบแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคผ่ากลางหัวแบ่งครึ่งตามยาว โดยผ่าจากด้านท้ายไปด้านหัว จากนั้นตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ ตามแนวยาว และแนวตั้งให้ 1 ชิ้น มีตาอยู่อย่างน้อย 1 ตา

หลังจากผ่าเสร็จแต่ละหัว ควรจุ่มใบมีดในแอลกอฮอล์ 70เปอร์เซ็นต์ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคก่อนจะที่จะผ่าหัวต่อไป เพื่อป้องกันการติดโรค นำหัวพันธุ์ที่ผ่าแล้วไปแช่ยาฆ่าเชื้อรา เช่น สารละลายเมทาแล็กซิล อัตราส่วน 1 ช้อนแกง ผสม น้ำ 20ลิตร แช่นาน 5นาที แล้วนำไปผึ่งให้แห้ง จากนั้นนำไปเพาะในแปลงเพาะที่ใช้ทรายหรือขี้เถ้าแกลบเป็นวัสดุเพาะ โดยเกลี่ยทรายให้เรียบหนาประมาณ 3-5 เซนติเมตร นำหัวพันธุ์มาวางเรียงบนแปลงเพาะโดยวางส่วนตาอยู่ด้านล่างกลบด้วยทรายบางๆ หนาประมาณ 1 เซนติเมตรรดน้ำให้ชื้นอยู่เสมอระวังอย่าให้เปียกแฉะหรือน้ำขัง หลังจากชำประมาณ 1 สัปดาห์ หน่อจะงอกยาว 1-2 เซนติเมตร ก็สามารถนำไปปลูกได้

การเตรียมดินให้ไถดินลึกอย่างน้อย 20 เซนติเมตร ตากดินไว้ก่อนปลูก 10-15วัน หากดินเป็นกรดมากควรใช้โดโลไมท์หว่านให้ทั่วแปลงอัตรา 200-500กิโลกรัม/ไร่ ขึ้นอยู่กับระดับความเป็นกรดของดิน (ค่ำpH ที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 5.5-6.5) จากนั้นไถพรวนอีก 2-3ครั้ง เพื่อให้ดินร่วนซุยดีจึงยกร่องหรือยกแปลงปลูกการปลูก สามารถปลูกได้ 3วิธี คือ การปลูกแบบแถวเดี่ยวไม่ยกร่อง การปลูกแบบแถวเดี่ยวยกร่อง และการปลูกแบบ ยกแปลงปลูกแบบแถวคู่

การยกแปลงปลูกแบบแถวคู่จะยกแปลงปลูกขนาดกว้าง 1-1.2 เมตร ยาวตามพื้นที่ขุดหลุมปลูกแถวคู่บนหลังแปลงระยะระหว่างแถว 40-80 เซนติเมตร ระยะระหว่างหลุม 30-40 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 100-200กก./ไร่ และปุ๋ยเคมี ตรามงกุฎ สูตร 15-15-15ทับทิม อัตรา 100-150กก./ไร่ รองก้นหลุมวางหัวพันธุ์ลงในหลุมแล้วกลบดินหนา 5-10 เซนติเมตร ไถกลบดินในแปลง2รอบ

เกษตรกรสามารถเลือกแบบใดแบบหนึ่งได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชำนาญ และควรพิจารณาว่าจะนำเครื่องจักรกลทุ่นแรงมาช่วยหรือไม่ สำหรับการเตรียมดินและความลึกของการปลูก มีข้อควรคำนึงถึง คือ สันร่องควรมีความกว้างค่อนข้างมาก และปลายสันร่องโค้งมนซึ่งจะช่วยทำให้หัวมันฝรั่งมีขนาดใหญ่และควรวางหัวพันธุ์ให้อยู่สูงกว่ำระดับท้องร่อง เพื่อว่ากรณีที่มีน้ำขังในร่อง หัวมันฝรั่งจะไม่แช่อยู่ในน้ำ ในการใส่ปุ๋ยนั้นแนะนำว่าควรจะใส่ทั้งปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีการใส่ปุ๋ยควรคำนึงความอุดมสมบูรณ์ของดินที่ใช้ปลูกมันฝรั่งว่ามีธาตุอาหารอยู่แล้วมากน้อยเพียงใดโดยการนำดินไปตรวจวิเคราะห์แล้วจึงพิจารณาใช้ชนิดและอัตราปุ๋ยที่เหมาะสม ตามค่าวิเคราะห์ดิน


ทั้งนี้ควรแบ่งการใส่ปุ๋ยให้มันฝรั่งเป็น 3ครั้งดังนี้
- ครั้งที่1 ใส่ปุ๋ยตรามงกุฎ สูตร 15-15-15ทับทิม อัตรา 100-150กิโลกรัม/ไร่ โดยใส่รองก้นหลุมก่อนปลูก
- ครั้งที่2 เมื่อมันฝรั่งอายุได้ 15-20วัน ใส่ปุ๋ยยูเรียอัตรา 25กิโลกรัม/ไร่ โดยใส่เป็นแถวข้างต้นพร้อมกับพูนดินกลบโคนต้นสูงประมาณ 20-25เซนติเมตร เนื่องจากหัวมันฝรั่งเกิดจากลำต้นใต้ดินที่เรียกว่า "ไหล" ซึ่งงอกออกมาจากส่วนโคนของลำต้น ตรงส่วนปลายของไหลนี้จะพองตัวออกทำหน้าที่เก็บสะสมอาหารเป็นหัวมันฝรั่งแต่ถ้าไหลนี้เกิดโผล่พ้นดินขึ้นมาก็จะเจริญเป็นลำต้นมีใบตามปกติ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพูนดินกลบโคนต้น เพื่อให้มีการลงหัวที่ดี รวมทั้งเป็นการป้องกันไม่ให้หัวมันฝรั่งถูกแสงแดด ซึ่งจะทำให้หัวเกิดสีเขียวไม่เป็นที่ต้องการของตลาดหรือโรงงาน 
- ครั้งที่3 เมื่อมันฝรั่งอายุได้ 30วัน ใส่ปุ๋ยตรามงกุฎ สูตร 13-13-21 หรือสูตร 14-7-35 อัตรา 100กิโลกรัม/ไร่ เป็นปุ๋ยที่ช่วยเร่งขยายขนาดหัวมันฝรั่ง และช่วยเพิ่มน้ำหนัก โดยใส่โรยเป็นแถวพร้อมกับพูนดินกลบโคนอีกครั้งหนึ่ง


มันฝรั่งเป็นพืชที่ต้องการน้ำสม่ำเสมอความถี่ของการให้น้ำจะผันแปรตามระยะการเจริญเติบโตของมันฝรั่ง ในระยะแรก หลังจากปลูกมันฝรั่งต้องการน้ำน้อย และจะค่อยๆเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อต้นเจริญเติบโตคลุมดินเต็มที่และต้องการปริมาณน้ำมาก จนต้นมันฝรั่งแก่ดังนั้นช่วงแรกปลูกควรให้น้ำปริมาณน้อยเพียงพอแก่การงอกเท่านั้น ถ้าน้ำมากเกินไปอาจทำให้หัวพันธุ์ที่ปลูกเน่าเสีย หลังมันฝรั่งงอกแล้วให้น้ำปริมาณมากขึ้นและสม่ำเสมอ หลังจากที่มันฝรั่งลงหัวแล้ว ถ้าได้รับน้ำไม่สม่ำเสมอจะทำให้หัวที่มีลักษณะผิดปกติ การให้น้ำโดยทั่วไปใช้วิธีปล่อยน้ำไปตามร่องให้น้ำไหลซึมไปสู่บริเวณราก เกษตรกรอาจช่วยตักรดได้ให้ดินมีความชื้นพอเหมาะไม่แห้งหรือแฉะเกินไป ทำให้ผิวไม่สวยและมีโอกาสเน่าเสียได้ง่าย เมื่อใกล้ช่วงเก็บเกี่ยวควรงดให้น้ำก่อนขุด ประมาณ 2 สัปดาห์


ติดต่อสอบถามได้ที่ คุณอรรถพล 084-4381063 หรือ คุณสรรเพ็ชญ์ 084-4381078

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น